แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม (ภาพยนตร์)
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม | |
---|---|
โปสเตอร์อย่างเป็นทางการของภาพยนตร์ | |
กำกับ | เดวิด เยตส์ |
เขียนบท | จากนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ผู้เขียนบท สตีฟ โคล์ฟ |
อำนวยการสร้าง | เดวิด เฮย์แมน เดวิด แบร์รอน |
นักแสดงนำ | แดเนียล แรดคลิฟฟ์ รูเพิร์ท กรินท์ เอ็มม่า วัตสัน ไมเคิล แกมบอน จิม บรอดเบนท์ อลัน ริคแมน ทอม เฟลตัน เจสซี่ เคฟ บอนนี่ ไรท์ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ |
กำกับภาพ | บรูโน่ เดลบอนเนล |
ตัดต่อ | มาร์ค เดย์ |
ดนตรีประกอบ | นิโคลาส ฮูเปอร์ |
ผู้จัดจำหน่าย | วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส |
วันฉาย |
โตเกียว
สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา |
ความยาว | 153 นาที |
ประเทศ | สหราชอาณาจักร |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1] |
ทำเงิน | 934.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ [2] |
ก่อนหน้านี้ | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ |
ต่อจากนี้ | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 |
ข้อมูลจาก All Movie Guide | |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม (อังกฤษ: Harry Potter and the Half-Blood Prince) ภาพยนตร์ภาคที่ 6 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส จากวรรณกรรมเยาวชน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม โดยมีเดวิด แบร์รอน กับไมเคิล โกลเดนเบิร์กเป็นผู้อำนวยการสร้าง และสตีฟ โคลฟเขียนบทภาพยนตร์ จากนิยายโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งตอนแรกมีโปรแกรมให้ผู้กำกับที่ชื่อ กิลเลโม เดล โทโร มาเป็นผู้กำกับ แต่ได้รับการปฏิเสธถึง 2 ครั้ง ทำให้เดวิด เยตส์ผู้กำกับคนก่อนมากำกับในภาคนี้และจะเป็นผู้กำกับในแฮร์รี่ พอตเตอร์ในภาคที่เหลือทั้งหมด
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสมเคยมีกำหนดฉายในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 แต่ถูกเลื่อนฉายโดยบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส และเลื่อนไปอยู่ในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆแฮร์รี่ ทั่วโลก แต่ถึงอย่างนั้นภาพยนตร์ก็ได้สร้างสถิติใหม่นั่นคือ ภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกจากรายได้ทั่วโลกสูงสุดโดยทำรายได้รวมไปกว่า 394 ล้านเหรียญและทำลายสถิติของไอ้แมงมุม 3 ที่ทำรายได้ไป 381 ล้านเหรียญ [3] และทำรายได้รวมในขณะนี้ไปที่ 932 ล้านเหรียญและยังคงทำรายได้เพิ่มต่อไป
เนื้อเรื่อง
[แก้]หลังจากโลกเวทมนตร์รับรู้ว่าลอร์ดโวลเดอมอร์ได้กลับคืนสู่โลกเวทมนตร์อีกครั้ง ผู้คนต่างหวาดกลัวและมีข่าวการหายตัวไปของผู้คนออกมาเรื่อยๆ ภาพยนตร์เปิดฉากด้วยการถล่มสะพานมิลเลนเนียมของเหล่าผู้เสพความตายและฉากลักพาตัวโอลลิแวนเดอร์จากตรอกไดแอกอนซึ่งในหนังสือมีการบรรยายไว้สั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัด และฉากการทำปฏิญาณไม่คืนคำของเซเวอร์รัส สเนปและนาร์ซิสซา มัลฟอย
ดัมเบิลดอร์ได้ดึงตัวแฮร์รี่จากสถานีรถไฟเซอร์ไบตันแถบชานเมืองเพื่อเดินทางไปเชื้อเชิญให้ฮอเรซ ซลักฮอร์น อดีตอาจารย์สอนวิชาปรุงยาของโรงเรียนฮอกวอตส์กลับมาสอนอีกครั้ง แต่พอทั้งคู่เดินทางไปถึงกลับพบว่าข้าวของในบ้านถูกทำลายเสียหาย ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นฝึมือตบตาของซลักฮอร์นเอง ในตอนแรกนั้นซลักฮอร์นยังยืนยันที่จะไม่กลับ แต่เมื่อได้คุยกับแฮร์รี่เป็นเวลาสั้นๆ ในที่สุดซลักฮอร์นก็ยอมกลับไปสอน เพราะเชื่อว่าตนจะปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่ที่ฮอกวอตส์
หลังจากนั้นแฮร์รี่ได้ย้ายไปพักที่บ้านของรอนและพบกับเฮอร์ไมโอนี่ที่บ้านโพรงกระต่าย แฮร์รี่พบว่าตนถูกสื่อต่างๆ เรียกว่า "คนที่ถูกเลือก" และรู้สึกว่าตนหลงรักจินนี่ น้องสาวของรอน วันหนึ่งแฮร์รี่และเพื่อนไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนและพบว่าเดรโก มัลฟอยกับแม่มีพฤติกรรมน่าสงสัยจึงได้แอบตามมัลฟอยไปที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์ในตรอกน็อคเทิร์นและได้พบว่ามัลฟอยชี้ไปที่สิ่งหนึ่งคล้ายตู้ที่เขาอยากให้บอร์เจ็นซ่อมให้ แฮร์รี่สงสัยว่ามัลฟอยเป็นผู้เสพความตายแต่ก็ถูกรอนและเฮอร์ไมโอนี่ต่อว่าว่าแฮร์รี่คิดมากไป
เจ้าชายเลือดผสม
[แก้]ที่ฮอกวอตส์ แฮร์รี่ได้พบกับหนังสือวิชาปรุงยาของเจ้าชายเลือดผสม และพบว่าในนั้นมีวิธีการปรุงยาที่ถูกต้องและแม่นยำกว่าวิธีที่ไลเบเชียว โบเรจ ผู้แต่งเขียนไว้ แฮร์รี่จึงปรุงน้ำยาตายทั้งเป็นได้ดีที่สุดและได้รับน้ำยานำโชคเป็นรางวัล หลังจากนั้นดัมเบิลดอร์เริ่มสอนพิเศษแก่แฮร์รี่เป็นการส่วนตัวโดยการให้ดูความทรงจำเกี่ยวกับโวลเดอมอร์ในสมัยวัยเด็ก ดัมเบิลดอร์ก็พร่ำบอกแฮร์รี่ว่าความทรงจำเหล่านี้จะเป็นหนทางที่แฮร์รี่สามารถหาจุดอ่อนกำจัดโวลเดอมอร์ได้
ในวันหยุดฮอกส์มี้ด แคตี้ เบลล์ นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ถูกสร้อยต้องคำสาปจนหมดสติ แฮร์รี่คิดว่าเป็นฝีมือของมัลฟอย ในการแข่งขันควิดดิช รอนสามารถป้องกันประตูได้ทุกลูกทำให้กริฟฟินดอร์ชนะการแข่งขันอย่างขาดลอย คืนนั้นรอนคบกับลาเวนเดอร์ บราวน์อย่างเปิดเผยด้วยการจูบเธอ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เสียใจมาก ในงานเลี้ยงคริสต์มาสของซลักฮอร์น แฮร์รี่เห็นมัลฟอยพยายามที่จะแอบเข้ามาในงานแต่ถูกจับได้ หลังจากนั้นแฮร์รี่ได้ไปแอบฟังสเนปและมัลฟอยคุยกันและพบว่ามัลฟอยกำลังทำภารกิจให้ใครบางคนอยู่
บนรถไฟขากลับวันคริสต์มาส แฮร์รี่เล่าเรื่องที่ตนประสบให้รอนฟัง รอนตกใจมากและบอกแฮร์รี่ว่าบ้ามากที่สเนปจะทำปฏิญาณไม่คืนคำ หากคืนคำก็จะตายทันที ที่บ้านโพรงกระต่าย แฮร์รี่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับท็องส์และลูปิน ลูปินย้ำให้แฮร์รี่เชื่อใจสเนปเพราะดัมเบิลดอร์เชื่อใจเขา คืนนั้นแฮร์รี่กำลังจะได้จูบจินนี่ แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ ผู้ที่แฮร์รี่เคียดแค้นอย่างยิ่ง กับเฟนเรีย เกรย์แบ็ก มนุษย์หมาป่าชื่อกระฉ่อน ได้บุกทำลายบ้านโพรงกระต่ายเสียยับเยิน
ความลับของซลักฮอร์น
[แก้]เมื่อกลับฮอกวอตส์ แฮร์รี่ได้เข้าไปในความทรงจำของซลักฮอร์นและพบว่าโวลเดอมอร์กำลังซักถามถึงเรื่องฮอร์ครักซ์ ซึ่งแฮร์รี่ไม่รู้จักแม้แต่น้อย แต่ความทรงจำถูกดัดแปลงเพราะซลักฮอร์นต้องการลบล้างความผิดที่เขาทำไว้ในอดีต ดัมเบิลดอร์จึงขอร้องให้แฮร์รี่ขอความทรงจำที่แท้จริงจากซลักฮอร์น แต่ครั้งแรกก็ถูกปฏิเสธเสียแล้ว วันหนึ่งแฮร์รี่เห็นรอนพร่ำเพ้อถึงโรมิลด้า เวนจึงรู้ว่ารอนถูกยาเสน่ห์จึงพารอนไปให้ซลักฮอร์นแก้พิษยาให้ แต่รอนกลับถูกยาพิษในเหล้าสมุนไพรและเกือบเอาตัวไม่รอด ระหว่างที่รอนสลบอยู่ที่ห้องพยาบาล รอนได้ละเมอถึงเฮอร์ไมโอนี่ ลาเวนเดอร์คิดว่ารอนนอกใจเธอจึงได้เลิกกับรอนโดยที่รอนไม่รู้ตัว
ไม่นานนัก แคตี้ก็กลับมา แฮร์รี่เดินเข้าไปซักถามเธอก็ตอบทันทีว่าจำคนที่สะกดใจเธอไม่ได้ ขณะนั้นมัลฟอยเดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นสีหน้าของแฮร์รี่และแคตี้ก็รีบแจ้นออกไปจากห้องโถงใหญ่ เข้าไปในห้องน้ำและร้องไห้ แฮร์รี่ที่ตามไปติดๆ ก็แอบฟังมัลฟอยและเดินเข้าไปโดยที่ไม่รู้ตัว มัลฟอยเห็นเขาไม่รอช้ายิงคาถาใส่ สู้กันอยู่สักพักแฮร์รี่จึงใช้คาถาเซ็กตัมเซมปร้า คาถาของเจ้าชายเลือดผสม ทำให้มัลฟอยได้รับบาดเจ็บสาหัส สเนปเข้ามาพบและช่วยรักษาแผลให้มัลฟอย แฮร์รี่รู้สึกว่าถูกสเนปอ่านใจและรู้ที่มาของคาถานั้นแล้ว จึงคิดจะนำหนังสือของเจ้าชายเลือดผสมไปซ่อนโดยจินนี่เป็นคนเอาไปซ่อนให้ในห้องต้องประสงค์ ทั้งคู่จูบกันในห้องนั้น แฮร์รี่และจินนี่จึงเริ่มคบกัน
แฮร์รี่รู้สึกดีขึ้นหลังจากการจูบ แต่เขาก็ยังเอาความทรงจำมาจากซลักฮอร์นไม่ได้ จนกระทั่งรอนแอบถองเขาจึงนึกออกว่าตนมีน้ำยานำโชคจึงได้ใช้มันและไปที่กระท่อมแฮกริด ระหว่างทางเจอซลักฮอร์น จึงได้เชิญไปกระท่อมแฮกริดด้วย เมื่อไปถึง แฮกริดกำลังจะฝังอาราก็อก แมงมุมของเขาและเพื่อนเก่าแก่ ซลักฮอร์นจึงกล่าวอวยพรและขอเก็บพิษแมงมุม เมื่อพลบค่ำแฮกริดและซลักฮอร์นดื่มสุราจนเมามาย แฮร์รี่จึงได้โอกาสขอร้องซลักฮอร์นให้มอบความทรงจำเพื่อแม่ของเขา ในที่สุดแฮร์รี่ก็ได้มันมาแล้วนำไปให้ดัมเบิลดอร์ทันที ในที่สุดก็ได้รู้ความจริงว่าโวลเดอมอร์เป็นผู้สร้างฮอร์ครักซ์เพื่อเก็บเศษเสี้ยววิญญาณของเขาไว้ แฮร์รี่จึงสัญญากับดัมเบิลดอร์ว่าจะไปตามหาฮอร์ครักซ์ด้วยกัน
วาระสุดท้าย
[แก้]วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ดัมเบิลดอร์นัดแฮร์รี่มาเจอบนหอดูดาว และพาแฮร์รี่ไปยังถ้ำลึกลับที่เชื่อว่าเก็บฮอร์ครักซ์ชิ้นหนึ่งไว้ ภายใต้เงื่อนไขข้อเดียวคือเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของดัมเบิลดอร์ทุกประการ ทั้งสองมาถึงใจกลางถ้ำที่มีทะเลสาบ ดัมเบิลดอร์เรียกเรือขึ้นมาจากน้ำ ทั้งสองมาถึงเกาะกลางทะเลสาบและพบว่าฮอร์ครักซ์ ซึ่งเป็นล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน นอนอยู่ก้นบึ้งของอ่างคริสตัล มีน้ำยาอยู่เต็มอ่างคอยป้องกันล็อกเกต ดัมเบิลดอร์ขอให้แฮร์รี่ตักน้ำยาให้เขาดื่มจนกว่าจะหมด ดัมเบิลดอร์ทุกข์ทรมานอย่างมาก เมื่อเสร็จสิ้นแฮร์รี่จึงพยายามตักน้ำให้ดัมเบิลดอร์ แต่อินเฟอไร ซากศพเดินได้นับร้อยผุดขึ้นจากน้ำและลากแฮร์รี่ลงสู่ก้นทะเลสาบ โชคดีที่ดัมเบิลดอร์ฟื้นสติทันและเสกวงแหวนไฟไล่อินเฟอไร ทั้งสองจึงออกมาจากถ้ำและหายตัวไปยังหอดูดาว
คืนนั้น มัลฟอยที่เพิ่งฟื้นจากบาดแผลแอบย่องออกมาจากห้องพยาบาลเงียบๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องต้องประสงค์ที่เขาขลุกอยู่ตลอดปี พาผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งเข้ามาผ่านตู้อันตรธานที่เขาซ่อมเสร็จ เมื่อดัมเบิลดอร์กับแฮร์รี่มาถึงก็รู้สึกได้ถึงอันตราย ดัมเบิลดอร์ให้แฮร์รี่หลบอยู่ข้างล่างและถูกมัลฟอยปลดไม้กายสิทธิ์ทันทีที่แฮร์รี่ซ่อนตัวเสร็จ ซึ่งเป็นที่มาของเจ้าของไม้กายสิทธ์เอลเดอร์ ดัมเบิลดอร์พยายามโน้มน้าวมัลฟอยจนเกือบสำเร็จแล้วเมื่อผู้เสพความตายขึ้นมาถึงชั้นบนของหอ แฮร์รี่พยายามต่อสู้จากข้างล่างแต่ก็ถูกสเนปชี้ไม้ห้าม แฮร์รี่จึงได้แต่มองเหตุการณ์จากข้างล่าง ดัมเบิลดอร์อ้อนวอนสเนป สเนปจึงใช้คำสาปพิฆาต อะวาดา เคดาฟ-รา ปลิดชีวิตดัมเบิลดอร์ตกหอไป
สเนปพามัลฟอยและพวกหนีทางประตูหน้า เบลลาทริกซ์ได้เสกตรามารขึ้นฟ้า ทำลายห้องโถงใหญ่พังพินาศและเสกกระท่อมแฮกริดให้ลุกเป็นไฟ แฮร์รี่ตามมาทันและประจันหน้ากับสเนป แฮร์รี่สู้ด้วยคาถา เซ็กตัมเซ็มปร้า ของเจ้าชายเลือดผสมแต่ก็ถูกสเนปปัดได้ ก่อนจากกัน สเนปได้เปิดเผยตัวเองว่าเป็นเจ้าชายเลือดผสม แฮร์รี่กล้าดียังไงถึงใช้คาถาของเขามาฆ่าตัวเขาเอง แล้วก็หลบหนีไป แฮร์รี่มาถึงจุดที่ศพของดัมเบิลดอร์นอนอยู่ ห้อมล้อมด้วยนักเรียนและคณาจารย์ที่โศกเศร้า แฮร์รี่พบว่าฮอร์ครักซ์เป็นของปลอม ของจริงถูกช่วงชิงโดยชายชื่อ ร.อ.บ.
ในตอนจบแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่หอคอย แฮร์รี่กล่าวว่าเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกและจะออกไปตามหาฮอร์ครักซ์ที่เหลือ รอนและเฮอร์ไมโอนี่จะไปด้วยแฮร์รี่จึงนำล็อกเก็ตของปลอมที่มีจดหมายจากบุคคลลึกลับ ร.อ.บ.ที่มีความว่าเขาได้นำล็อกเกตของจริงไปซ่อนและกำลังจะทำลายมัน สิ่งที่พวกแฮร์รี่ทำไปไม่เชิง สูญเปล่าพวกเขายังพอมีความหวัง ความหวังที่จะกำจัดโวลเดอมอร์
นักแสดง
[แก้]- แดเนียล แรดคลิฟฟ์ แสดงเป็น แฮร์รี่ พอตเตอร์
- เอ็มม่า วัตสัน แสดงเป็น เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
- รูเพิร์ท กรินท์ แสดงเป็น รอน วีสลีย์
- บอนนี่ ไรท์ แสดงเป็น จินนี่ วีสลีย์
- อีวานน่า ลินซ์ แสดงเป็น ลูน่า เลิฟกู๊ด
- ทอม เฟลตัน แสดงเป็น เดรโก มัลฟอย
- เดวอน เมอร์เรย์ แสดงเป็น เชมัส ฟินนิกัน
- เจสซี่ เคฟ แสดงเป็น ลาเวนเดอร์ บราวน์
- เซอร์ ไมเคิล แกมบอน แสดงเป็น อัลบัส ดัมเบิลดอร์
- จิม บรอดเบนท์ แสดงเป็น ฮอเรซ ซลักฮอร์น
- เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์ แสดงเป็น เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์
- แม็กกี้ สมิธ แสดงเป็น มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล
- เฮเลน แม็กครอรี้ แสดงเป็น นาร์ซิสซา มัลฟอย
- ร็อบบี้ โคลเทรน แสดงเป็น รูเบอัส แฮกริด
- ทิโมธี สปอลล์ แสดงเป็น ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์
- อลัน ริคแมน แสดงเป็น เซเวอรัส สเนป
- เฮโร่ ไฟน์เนส-ทิฟฟิน แสดงเป็น ทอม มาร์โวโล่ ริดเดิ้ล วัย 11 ปี
- นาตาเลีย ทีน่า แสดงเป็น นิมฟาดอร่า ท็องส์
- แฟรงค์ ดิลเลน แสดงเป็น ทอม มาร์โวโล่ ริดเดิ้ล วัย 16 ปี
- มาร์ค วิลเลียม แสดงเป็น อาเธอร์ วีสลีย์
- จูเลีย วอลเตอร์ส แสดงเป็น มอลลี่ วีสลีย์
- เคธี่ เหลียง แสดงเป็น โช แชง
- แมทธิว เลวิส แสดงเป็น เนวิลล์ ลองบัตท่อม
- วอร์วิค ดาร์วิส แสดงเป็น ศาสตราจารย์ฟิเลียส ฟลิตวิก
- เดวิด ธิวลิส แสดงเป็น รีมัส ลูปิน
- เดฟ ลีจีโน แสดงเป็น เฟนเรีย เกรย์แบ็ก
- เดวิด แบรดลีย์ แสดงเป็น อาร์กัส ฟิลซ์
- เฟรดดี้ สโตรม่า แสดงเป็น คอร์แม็ก แม็คล้ากเก้น
- ลูอิส คอร์ดิซ แสดงเป็น เบลส ซาบินี่
- จอร์จิน่า ลีโอดาส แสดงเป็น แคตี้ เบลล์
- อิซาเบลล่า ลาฟแลนด์ แสดงเป็น ลีแอนน์ เพื่อนของแคตี้
- แอนนา แชฟเฟอร์ แสดงเป็น โรมิลด้า เวน
- โรเบิร์ต น็อกซ์ แสดงเป็น มาร์คัส เบลบี้
สถานที่ถ่ายทำ
[แก้]- ลีฟส์เดน สตูดิโอ, ลีฟส์เดน, เฮิร์ทฟอร์ดเชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- คานแท็กซ์ฮิลล์, ลาค็อก, วิลท์เชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- ถนนเชิร์ช, ลาค็อก, วิลท์เชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- วิหารโกลฺเชสเตอร์, โกลฺเชสเตอร์, โกลฺเชสเตอร์เชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- ลาค็อก แอบบี้, ลาค็อก, วิลท์เชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- ถนนเวสต์, ลาค็อก, วิลท์เชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- สะพานมิลเลนเนียม, ลอนดอน, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- ดิ แองเจิ้ล, ลาค็อก, วิลท์เชียร์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- สถานีรถไฟเซอร์ไบตัน, เซอร์บิตัน, เซอร์เรย์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
- ฟอร์ท วิลเลียม, เกลนชอร์, ฮายแลนด์, สกอตแลนด์, สหราชอาณาจักร
- เคป เวริธ, ซูเธอร์แลนด์, สกอตแลนด์, สหราชอาณาจักร
- ล็อก อาเคจ, ฮายแลนด์, สกอตแลนด์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
การเพิ่มฉากใหม่ลงในเนื้อเรื่อง
[แก้]ทางเดวิด แยทส์ ออกมาให้การยืนยันแล้วว่า ในภาพยนตร์แฮรฺรี่ พอตเตอร์ภาคที่ 6 นี้จะมีการเพิ่มฉากใหม่ลงไปเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้นยิ่งขึ้น นั่นก็คือฉากการต่อสู้ที่บ้านโพรงกระต่ายในช่วงวันหยุดคริสต์มาส ซึ่งฉากนี้ไม่ได้มีอยู่ในหนังสือ และได้รับการยืนยันและอนุมัติจาก เจ. เค. โรว์ลิ่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอก็ชมกลับมาว่าเป็นความคิดที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นการบุกรุกเข้ามาในบ้านโพรงกระต่ายของพวกผู้เสพความตายและการต่อสู้ป้องกันบ้านของพวกแฮร์รี่ และบ้านถูกเผา ซึ่งทางบริษัทคาดไว้ว่าฉากนี้นั้นจะสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆได้อย่างมาก
ปัญหาของภาพยนตร์
[แก้]ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสมได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบอุปสรรคและปัญหามากที่สุดเพราะเนื่องจากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นเสมอเริ่มตั้งแต่การเสียชีวิตจากการถูกแทงของโรเบิร์ต น็อกซ์นักแสดงผู้รับบทเป็น มาร์คัส เบลบี้ หน้าผับจนเสียชีวิต อีกทั้งยังการปลอมแปลงโปสเตอร์ที่อ้างว่าทางW.B.เป็นผู้ผลิตทำให้บริษัทต้องกำจัดข่าวทั้งหมด การประท้วงนักเขียนที่อเมริกา แดเนียลผู้รับบทเป็นแฮร์รี่เล่นละครเวทีเปลื้องผ้าทำให้เสียความเป็นแฮร์รี่ การเข้าฉายใกล้เคียงกันระหว่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ (21 พฤศจิกายน) กับแวมไพร์ ทไวไลท์ (27 พฤศจิกายน) ซึ่งทำให้รายได้อาจถูกทไวไลท์แย่งไปได้เพราะแฮร์รี่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ดังนั้นควรเข้าฉายในช่วงที่ไม่มีภาพยนตร์ที่ใหญ่พอจะสู้ ปัญหาเศรษฐกิจ และที่สำคัญที่สุดคือการเลื่อนฉายภาพยนตร์ที่ทาง W.B.กล่าวว่าต้องการให้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างแฮร์รี่เข้าฉายในช่วงหน้าร้อนและไม่อยากเอามาแข่งกับ แบทแมน เดอะ ดาร์ค ไนท์ที่สร้างรายได้ถล่มทลาย
การดัดแปลงเนื้อหาอื่นๆ
[แก้]- ทีมงานมีการเพิ่มฉากทำลายสะพานมิลเลนเนียมเข้าไป (เดิมแค่ถูกเล่าจากปากของนายกรัฐมนตรีของมักเกิ้ล)
- ทีมงานตัดฉากความทรงจำ 3 เรื่องออกไป คือ ตระกูลก๊อนท์ ริดเดิ้ลขโมยแหวนก๊อนท์ และเฮปซิบาห์ สมิธ
- แฮร์รี่เจอดัมเบิลดอร์ในสถานีรถไฟ (เดิมครวจะอยู่ที่บ้านเลขที่สิบสอง ซอยพรีเวต และดัมเบิลดอร์เคาะประตูบ้าน)
- ไม่มีการกล่าวถึงพินัยกรรมของซิเรียส และไม่มีครีเชอร์
- แฮร์รี่ไม่ได้คุยกับดัมเบิลดอร์ในโรงเก็บไม้กวาดของครอบครัววีสลีย์ แต่ส่งแฮร์รี่มาคนเดียว
- นางวีสลีย์ไม่ได้อยู่ในห้องครัว ไม่มีท็องส์ที่ซึมเศร้า และไม่มีบิลกับเฟลอร์มาบอกว่าจะแต่งงาน
- รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ไปนั่งตู้ของพรีเฟ็ค ไม่มีโรมิลด้า เวนมาชวนแฮร์รี่ไปนั่งด้วย
- ไม่มีฉากการพบปะในห้องซี. ของซลักฮอร์น แต่เปลี่ยนไปกินขนมในห้องทำงานของซลักฮอร์นแทน
- เดรโกไม่ได้นอนหนุนตักแพนซี และแฮร์รี่ใช้ผงความมืดทันใจทำให้พวกสลิธีรินมองไม่เห็น
- ลูน่าเป็นผู้พาแฮร์รี่ออกจากรถไฟ ไม่ใช่ท็องส์
- ชุดควิดดิชเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมด
- แฮร์รี่เจอโรมิลด้า เวน ในห้องสมุด
- จะไม่มีฉากต่อสู้ในฮอกวอตส์ เนื่องจากภาคเจ็ดมีการต่อสู้อยู่แล้ว จึงเพิ่มฉากเผาบ้านโพรงกระต่ายเข้ามาด้วย
- รอนเห็นช็อกโกแล็ตของโรมิลด้า เวนเลยอยากกิน ไม่ได้คิดว่าเป็นของขวัญวันเกิด
- เกาะกลางถ้ำเป็นเกาะผลึกแก้ว และอ่างใส่ล็อกเก็ตเป็นแท่งคริสตัลที่ถูกเจาะออกเป็นช่องโค้ง
- ของเหลวในอ่างเป็นสีดำ ไม่ใช่สีเขียวมรกต
- แฮร์รี่ถูกอินเฟอไรลากลงน้ำลึกมาก แต่ในหนังสือบรรยายไว้ว่าไม่ได้ลงลึกขนาดนั้น
- ฉากผู้เสพความตายบุกฮอกวอตส์ มีเบลลาทริกซ์มาด้วย
- อินเฟอไรในถ้ำไม่สวมเสื้อผ้า
- ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นไม่ไว้หนวด
- ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไม่สวมแว่นตา (เช่นเดียวกับบางส่วนในถ้วยอัคนี และภาคีนกฟีนิกซ์)
การเลื่อนฉายภาพยนตร์
[แก้]โดยในครั้งแรกนั้นแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคที่6 มีกำหนดฉายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 แต่ทาง W.B ออกมายืนยันว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคที่ 6 นั้นจะเลื่อนฉายไปในวันที่ 16 กรกฎาคม ปี 2552[4] และทางประเทศไทยจะฉายในวันที่ 16 กรกฎาคม การเลื่อนฉายนี้ทำให้แฟนๆ ทั่วโลกไม่พอใจ และคาดเดาว่าเหตุใดถึงเลื่อนฉาย โดยมีการคาดเดาว่า แดเนียล แรดคลิฟฟ์พระเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้เล่นละครเวทีเปลื้องผ้า แต่ทาง W.B. ยืนยันว่าต้องการฉายในช่วงหน้าร้อนเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังฟอร์มยักษ์แห่งปีจึงไม่อยากนำมาแข่งกับ แบทแมน เดอะ ดาร์ค ไนท์ ที่สร้างรายได้ถล่มทลายไปไม่นาน แต่การประกาศครั้งนั้นก็ทำให้แฟนๆยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่และมีการส่งจดหมายไปด่า W.B.ว่าเห็นแก่เงิน
สื่ออื่นๆ
[แก้]เกม
[แก้]ในภาคนี้ยังคงเหมือนรูปแบบในภาค5ซึ่งได้มีการลงเสียงนักแสดงประกอบและฉากฮอกวอตส์ก็ยังคงไว้เช่นเดิม ที่มีเพิ่มเข้ามาคือการแข่งขันควิดดิชซึ่งผู้เล่นสามารถเล่นเกมควิดดิชได้และการปรุงยาและการผจญภัยฉากต่างๆเช่น ในถ้ำมรณะ เป็นต้น
ข้อมูลพิ่มเติม
[แก้]- เฮเลน แม็กครอรี่ เคยได้รับการทาบทามให้มาแสดงบทเบลลาทริกซ์ แต่ตอนนั้นเธอตั้งครรภ์อยู่ จึงปฏิเสธบทไป
- ฮีโร่ ไฟนส์-ทิฟฟิน ผู้รับบทเป็นโวลเดอมอร์วัย 11 ปี เป็นหลานชายแท้ๆ ของราล์ฟ ไฟน์เนส ผู้รับบทลอร์ดโวลเดอมอร์ เกิดกับมาร์ธาผู้เป็นน้องสาว
- เจซซี่ เคฟ เอาชนะเด็กสาวกว่า 7,000 คน ได้รับบทลาเวนเดอร์ บราวน์ และรอบสุดท้าย เธอต้องทดสอบหน้ากล้องด้วยการจูบกับรูเพิร์ท กรินท์ตัวจริง!
- เดวิด เยตส์ เคยคิดว่าจะเอา บิล ไนจี้ มารับบท รูฟัส สคริมเจอร์ แต่ยังไม่ได้ยืนยัน และตัดไปอยู่ในภาค 7 [5]
- โรเบิร์ต น็อกซ์ หลังจากแสดงหน้ากล้องจบแล้ว เขาถูกแทงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 พ.ค. พ.ศ. 2551 จากเหตุทะเลาะวิวาทนอกบาร์แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://www.boxofficemojo.com/movies/?id=harrypotter6.htm
- ↑ http://www.boxofficemojo.com/movies/?id=harrypotter6.htm
- ↑ WORLDWIDE OPENINGS
- ↑ http://www.mugglethai.com/index.phpstart_from=136&ucat=&archive=&subaction=&id=&[ลิงก์เสีย]
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-07-20. สืบค้นเมื่อ 2009-07-30.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ for the film
- เว็บไซต์ทางการ for the film series
- Harry Potter and the Half-Blood Prince ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- Harry Potter and the Half-Blood Prince ที่ออลมูวี
- Harry Potter and the Half-Blood Prince ที่บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ
- ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2552
- หน้ากำลังใช้แม่แบบ Lang-xx
- แฮร์รี่ พอตเตอร์
- ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยาย
- ภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส
- ภาพยนตร์ที่กำกับโดย เดวิด เยตส์
- ภาพยนตร์ภาคต่อ
- ภาพยนตร์อังกฤษ
- ภาพยนตร์ภาคต่ออเมริกัน
- ภาพยนตร์โดยเฮย์เดย์ฟิล์มส์
- ภาพยนตร์จินตนิมิตระดับสูง
- ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในกลอสเตอร์เชอร์
- ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในเซอร์รีย์
- ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในฮาร์ตฟอร์ดเชอร์